Monday, February 17, 2020

อธีนา พาร์เธนอส






ชื่อของ มหาเทวาลัยพาร์เธนอน (Parthenon/Παρθενώνας) นั้นมีความหมายว่า"Temple of The Virgin Goddess"

เพราะเป็นที่ประดิษฐานเทวรูปมหาเทวีอธีนา  ในภาคหรือปางที่มีพระนามว่า อธีนา พาร์เธนอส (Athena Parthenos/Αθηνά Παρθένου)

คำว่า พาร์เธนอส โดยปกติแปลว่า maiden หรือ girl แต่ก็หมายถึงสาวพรหมจารี และหญิงที่ไม่แต่งงานด้วย

นอกจากจะใช้กับปมหาเทวีอธีนาแล้ว จึงมักใช้กับเทพนารีองค์อื่น เช่น จันทรเทวีอาร์เตมีส (Artemis/ Άρτεμις) แต่ก็ไม่เป็นที่รู้จึก หรือได้รับความนิยมเท่าปมหาเทวีอธีนาหรอกครับ

เหตุที่ชาว่เอเธนส์บูชาปมหาเทวีอธีนาในถาคนี้ เป็นพระเป็นเจ้าสูงสุด ก็เพราะนิยามของคำว่า “หรหมจรรย์” ในทางปรัชญากรีกนั้น ในแง่หนึ่งยังหมายถึง “ความปลอดภัย” อีกด้วย

ดังนั้น การบูชาอธีนา พาร์เธนอส จึงเท่ากับเป็นการรับประกันความสงบสุข และความปลอดภัยของนครเอเธนส์ครับ

และเพราะเหตุดังกล่าว เมื่อศาสนาคริสต์เข่าแทนที่ลัทธิศาสนาเดิมของเอเธนส์ มหาาเทวาลัยพาร์เธนอนจึงถูกปรับเปลี่ยนเป็นโบสถ์ของ พระแม่มารีย์ผพรหมจาริณี (Virgin Mary) หรือ Parthénos Maria ในช่วงปลายคริสตศวรรษที่ 6

ส่วนเทวรูปองค์ประธานของเทวสถาน ก่อนที่จะถูกทำลายนั้น เป็นเทวรูปฉลองพระองค์แบบนักรบ สวมหมวกเหล็กแบบขุนศึกกรีก ถือเครื่องหมายแห่งชัยชนะ หรือ ไนกี (Nike กรีกออกเสียงว่า นีกี Νίκη) พร้อมทั้งหอกและโล่ 

เทวรูปองค์นี้มีความสูงถึงราวๆ 12 เมตร ทำจากหินอ่อนแกะสลัก แล้วบุผิวด้วยแผ่นงาช้างทั้งองค์ พัสตราภรณ์ก็ประดับแผ่นทองคำทั้งหมด และเครื่องถนิมพิมพาภรณ์ก็คงหล่อด้วยทองคำฝังรัตนชาติ แก้วผลึก หินมีค่า และไข่มุก

ปัจจุบัน เทวรูปองค์นี้ไม่เหลือแม้แต่ฃากให้เห็นครับ พวกคริสต์ที่รื้อทำลายเทวรูปองค์นี้ คงชื่นมื่นกับการลอกเอาแผ่นทองคำ แผ่นงาช้าง และรัตนชาติทั้งหมดไป ส่วนเทวรูปหินอ่อนก็คงถูกทุบเป็นชิ้นๆ ซึ่งสามารถนำไปแกะสลักเป็นศาสนวัตถุของชาวคริสต์ได้เช่นกัน

แต่เราด็ยังพอสันนิษฐานรูปลักษณ์ของเทวปฏิมาองค์นี้ จากที่ช่างโรมันจำลองแบบไว้ ซึ่งมีศ้พท์เรียกว่า วาร์วาไคออน อธีนา (Varvakeion Athena/Βαρβανάκι Αθηνά)




ดังที่เห็นนี้ เป็เทวรูปหินอ่อนแกะสลัก สูง 1.05 เมตร คาดว่าน่าจะทำขึ้นในราวๆ ค.ศ.200-250 ปัจจุบันอยู่ที่ National Archaeological Museum of Athens

วาร์วาไคออน อธีนาอีกองค์หนึ่ง ที่ช่างโรมันถ่ายแบบจากองค์จริงออกมาได้เป็นอย่างดีเช่นกัน คือองค์นี้ครับ ปัจจุบันจัดแสดงใน Pushkin Museum




เมื่อสอบทานกับบันทึกของชาวโรมัน ที่ได้เห็นเทวรูปองค์จริง เทียบกับวาร์วาไคออน อธีนาทั้งสององค์แง้ว นักประวัติศาสตร์ศิลปะก็มีข้อมูลเพียงพอที่จะ reconstruct อธีนา พาร์เธนอส แห่งมหาเทวาลัยพาร์เธนอน ขึ้นมาได้ ดังที่เห็นในบทความนี้ละครับ

ในทางประติมากรรม ถือว่า ช่างเอเธนส์กล้าหาญมากนะครับ ที่แกะสลักเทวรูปขนาดใหญ่โตมหึมา ให้ยกพระหัตถ์ขวาลอยๆ ไว้แบบนี้ โดยไม่กลัวพระกรหัก

ดังนั้น องค์จริงจึงอาจจะมีเสารองรับพระกร หรือพระหัตถ์ขวาอยู่ก็ได้ ดังที่มีให้เห็นอย่างชัดเจนในวาร์วาไคออน อธีนา ทะเงสององค์




แต่เหตุที่งาน reconstruction ส่วนใหญ่ของอธีนา พาร์เธนอส ไม่มีเสารองรับพระหัตถ์ขวา เป็นเพราะมีผู้สันนิษฐานว่า ทั้งองค์เทวรูปคงใช้วิธีแกะสลักขึ้นเป็นส่วนๆ แล้วยกขึ้นไปประกอบกัน เพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะหาหินอ่อนแท่งใหญ่ขนาด 12 เมตรอยู่แล้ว ซึ่งเมื่อประกอบแต่ละชิ้นเข้าด้วยกัน โดยมีแกนเหล็กยึดภายใน ก็ไม่ต้องกลัวว่าพระกรจะหัก

ส่วนวาร์วาไคออน อธีนา ทั้งสององค์ แกะจากหินอ่อนเพียงแท่งเดียว ช่างโรมันไม่สามารถทำแกนเหล็กยึดไว้ภายในได้ จึงต้องแกะเสารองรับเพื่อไม่ให้พระกรหัก

และจะเห็นว่า เขาทำฉลองพระองค์เป็นทองอร่ามทั้งชุด เพื่อให้สอดคล้องกับในบ้นทึกโบราณ ในชณะที่งาน reconstruction ที่เผยแพร่กันออกมาก่อนหน้านี้ มักจะปิดทองบางส่วนเท่านั้น

ทุกอย่างยังคงเป็นการคาดเดานะครับ ด้วยว่า ไม่มีองค์จริงเหลืออยู่ มีแต่องค์จำลองที่เป็นขนาดเล็กเท่านั้น




ส่วนที่เห็นนี้ คืออธีนา พาร์เธนอส ขนาดเท่าจริง ภายในมหาเทวาลัยพาร์เธนอนจำลอง ที่แนชวิลล์ 
มลรัฐเทนเนสซี สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นการ reconstruct จากเทวสถานเดิมในกรุงเอเธนส์

จากการศึกษาค้นคว้าทางโบราณคดีปัจจุบัน ทำให้สันนิษฐานถึงรายละเอียดการตกแต่งภายในของมหาเทวาลัยพาร์เธนอนจริงๆ ได้มากกว่าที่เห็นอยู่นี้ 

แต่ที่นี่ก็ทำให้พอนึกภาพความใหญ่โตของเทวสถาน และเทวรูปอธีนา พาร์เธนอสได้เป็นอย่างดีครับ


...................................


หมายเหตุ : เนื้อหาในบทความนี้ มีลิขสิทธิ์ ใครจะนำไปใช้อ้างอิงที่ใด ไม่ว่าส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมด จะต้องระบุ URL ของแต่ละบทความด้วย และห้ามนำไปใช้เพื่อการค้าโดยเด็ดขาด

Sunday, February 16, 2020

มหาเทวาลัยพาร์เธนอน






เมื่อทรงเป็นผู้ให้ชื่อแก่กรุงเอเธนส์ มหาเทวีอธีนาจึงทรงเป็นพระแม่เจ้าผู้อุปถัมภ์นครหลวงแห่งนี้ และชาวเอเธนส์จึงสร้างมหาเทวาลัยเพื่อถวายแด่พระนาง บนเนิน อโครโปลิส (Acropolis, Ακρόπολη) ในปัจจุบัน

มหาเทวาลัยดังกล่าวมีชื่อว่า พาร์เธนอน (Parthenon กรีกออกเสียงว่า พาร์เธโนนาส Παρθενώνας)

เทวสถานแห่งนี้ นับว่าเป็นเพชรน้ำงามที่สุดแห่งสถาปัตยกรรมกรีกครับ สร้างเมื่อ 447-438 ปีก่อนคริสตกาล โดยการริเริ่มของ เปริคลีส (Pericles/Περικλής) ผู้นำกรุงเอเธนส์ในสมัยนั้น และภายหลังเสร็จสมบูรณ์ฃแล้ว ก็ยังมีการตกแต่งเพิ่มเติมอีก 5 ปี

มหาเทวาลัยพาร์เธนอนมีแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาด 101.4 x 228 x 65 ฟุต ด้านข้างทั้งสองมีเสาค้ำด้านละ 17 ต้น ด้านหน้า 8 ต้น แต่ละต้นมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 6.2 ฟุต หัวเสาเป็นแบบ ดอริค (Doric กรีกออกเสียงว่า โดริโกส δωρικός)

เสาเหล่านี้และทุกส่วนของเทวาลัย รวมทั้งหลังคา สร้างด้วยหินอ่อนทั้งหมด ซึ่งต้องสกัดและขนย้ายมาจากเขา เปลิกัส (Pelikas/Πέλικας) ที่อยู่ห่างจากกรุงเอเธนส์ไปกว่า 16 กิโลเมตร




มหาเทวาลัยพาร์เธนอน ได้รับการยกย่องว่า เป็นสถาปัตยกรรมที่งามสมบูรณ์แบบ แม้จะสร้างอย่างเรียบง่ายก็ตาม 

ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้ เป็นผลจากการออกแบบของ อิคตินุส (Ictinus/Ἰκτῖνος) และ คัลลิคราตีส (Callicrates/Καλλικράτης) โดย ฟิดิอัส (Phidias/ Φειδίας) เป็นผู้ควบคุมการก่อสร้าง ตลอดจนการตกแต่งหน้าบัน

เหตุที่เทวสถานแห่งนี้ มีชื่อว่า พาร์เธนอน ก็เพราะสร้างถวายมหาเทวีอธีนา ภายใต้พระนามว่า อธีนา พาร์เธนอส (Athena Parthenos/Αθηνά Παρθένου) เป็นเทวรูปฉลองพระองค์แบบนักรบ สวมหมวกเหล็กแบบขุนศึกกรีก ทรงถือเครื่องหมายแห่งชัยชนะ หรือ ไนกี (Nike กรีกออกเสียงว่า นีกี Νίκη) พร้อมทั้งหอกและโล่

เทวรูปองค์นี้ เป็นงานใหญ่ไม่น้อยกว่าการสร้างเทวสถานครับ

เพราะมีความสูงถึงราวๆ 12 เมตร และ (เข้าใจว่า) ทำจากหินอ่อนแกะสลักเป็นส่วนๆ นำมาประกอบกัน แล้วบุผิวด้วยแผ่นงาช้างทั้งองค์ พัสตราภรณ์ก็ประดับแผ่นทองคำทั้งหมด ซึ่งฟิดิอัสเป็นผู้ควบคุมการก่อสร้างด้วยเช่นกัน




โชคดีครับ ที่เทวรูปองค์นี้ได้รับการจำลองแบบไว้โดยช่างโรมัน ก่อนถูกทำลายเมื่อศาสนาคริสต์เข้าแทนที่ลัทธิศาสนาเดิมของกรุงเอเธนส์

ส่วนอาคารเทวาลัยเอง นับจากเสร็จสิ้นการก่อสร้างก็ดำรงฐานะเป็นเทวสถานต่อเนื่องยาวนานกว่าพันปี จึงเถูกดัดแปลงเป็นโบสถ์คริสต์ และเมื่อกรุงเอเธนส์ตกเป็นของจักรวรรดิออตโตมัน (Ottoman) ก็ถูกดัดแปลงเป็นสุเหร่าในปีค.ศ.1458  ก่อนจะถูกระเบิดทำลายในปีค.ศ.1687 คงเหลือเท่าที่ปรากฏในปัจจุบัน

 และนี่คือ 3D Reconstruction ของมหาเทวาลัยแห่งนี้ครับ

https://www.facebook.com/GreeceHighDefinition/videos/2121655771185062/?t=30

ในพื้นที่โดยรอบของเทวสถานแห่งนี้ ยังเคยมีการประดิษฐานเทวรูป อธีนา โพรมาคอส (Athena Promachos/Αθηνά Προμάχος) ทำด้วยสำริดขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นผลงานของฟิดิอัสเช่นกัน ซึ่งน่าจะสูงพอๆ กับองค์ประธานที่อยู่ภายในเทวสถาน หรืออาจจะสูงกว่าด้วยซ้ำ เพราะเรือที่จะเข้าเทียบท่าที่ อัตติคา (Attica/Αττική) ยังอาศัยเป็นจุดสังเกตได้





เทวปฏิมาองค์นี้ ยังคงมีอยู่จนกระทั่งราวๆ 1-200 ปีก่อนคริสตกาล จึงถูกย้ายไปตั้งไว้ใน กรุงคอนสแตนติโนเปิล (Constantinople) นครหลวงของ จักรวรรดิไบแซนไทน์ (Byzantine Empire) และในที่สุดก็ถูกทำลายลงเมื่อ ค.ศ.1203 เพราะหล่อด้วยสำริดเป็นปริมาณมาก จึงน่าจะถูกนำไปหลอมเป็นสำริดแท่งเพื่อใช้ในการอื่น

ในระหว่างปีค.ศ.1801-1803  มีการรวบรวมประติมากรรมที่เหลืออยู่ไปจัดแสดงที่อังกฤษ คงเหลือในพิพิธภัณฑ์กรีกเพียงเล็กน้อย

และต้องรอจนถึงปีค.ศ.2004 จึงมีการบูรณะเทวสถานแห่งนี้ครั้งใหญ่ เนื่องจากประเทศกรีซได้รับเลือกให้จัดการแข่งขันโอลิมปิก ซึ่งจะต้องมีพิธีเปิดที่นี่




ปัจจุบัน มีการจำลองเทวสถานแห่งนี้ และองค์เทวรูปอธีนา พาร์เธนอสไว้ที่แนชวิลล์ (Nashvill) มลรัฐเทนเนสซี สหรัฐอเมริกา สร้างขึ้นจากข้อสันนิษฐานทางโบราณคดี (Reconstruction) ด้วยขนาดเท่าจริง ผู้ออกแบบคือ วิลเลียม ครอเฟิร์ด สมิธ (William Crawford Smith) สร้างขึ้นในปีค.ศ.1897 โดยเป็นส่วนหนึ่งของ Tennessee Centennial Exposition 

ซึ่งก็พอจะทำให้จินตนาการถึงความยิ่งใหญ่ในอดีตได้มากขึ้นครับ

...................................



หมายเหตุ : เนื้อหาในบทความนี้ มีลิขสิทธิ์ ใครจะนำไปใช้อ้างอิงที่ใด ไม่ว่าส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมด จะต้องระบุ URL ของแต่ละบทความด้วย และห้ามนำไปใช้เพื่อการค้าโดยเด็ดขาด



Friday, February 14, 2020

มหาเทวีอธีนา






Παλλάδα Αθηνά
θεά της μάθησης και της δύναμης
δώσε μας σοφία


Pallas Athena,
goddess of learning and strength,
give us wisdom.



ในลัทธิศาสนา และเทพปกรณัมกรีก มหาเทวีอธีนา (Athena, Αθήνα)  เป็นเทพนารีที่ชาวกรีกให้ความเคารพนับถือมากที่สุดครับ

พระนามของพระแม่เจ้าองค์นี้ บางทีก็เขียนว่า อธีนี (Athene, Ἀθήνη) หรือ พัลลัส อธีนา (Pallas Athena/Παλλάδα Αθηνά)

พระนางทรงเป็นเทวีแห่งปัญญา ความกล้าหาญ แรงบันดาลใจ อารยธรรม กฎหมายและความยุติธรรม การสงครามที่ชอบธรรม คณิตศาสตร์ ความแข็งแกร่ง ยุทธศาสตร์ ศิลปะ งานฝีมือและทักษะต่างๆ

ว่ากันตามเทววิทยาจริงๆ แล้ว คติการบูชาพระแม่เจ้าองค์นี้มีมาก่อนยุคกรีกโบราณครับ พระนามของพระนางปรากฏในจารึกอักษรไลเนียร์บี (Linear B) ที่พบในซากโบราณสถานของ พระราชวัง คนอสซอส (Knossos) เมืองหลวงของอารยธรรม ไมโนอัน (Minoan) บนเกาะครีต (Crete) ซึ่งเจริญอยู่ในระหว่าง 2,700-1,500 ปีก่อนคริสตกาล

ภายหลัง ชาวกรีกได้แต่งเทพนิยายขึ้นมาใหม่ ให้พระนางทรงเป็นพระธิดาของ จอมเทพซีอุส (Zeus/ Ζεύς) กับ เทวีมีติส (Metis/Μήτις) เทพีแห่งความคิดและภูมิปัญญาช่าง

ซึ่งมีการทำนายอยู่แล้วว่า องค์เทวีมีติสจะให้การประสูติบุตรที่ทรงพลังยิ่งกว่าบิดา

เมื่อองค์เทวีมีติสตั้งครรภ์ จอมเทพจึงทรงกลืนพระชายาเข้าไปในพระอุทร และจากนั้นก็ทรงปวดพระเศียรอย่างหนัก ต้องให้ เทพฮีฟีสตุส (Hephaestus/Ήφαιστος) ใช้ขวานผ่าพระเศียรของพระองค์

แล้วมหาเทวีอธีนาก็ออกมาจากในพระเศียรนั้น ในรูปลักษณ์ของสาวสะคราญ สวมชุดนักรบและมีอาวุธครบมือ พระนางได้กลายเป็นพระธิดาที่องค์จอมเทพโปรดปรานที่สุดนับแต่นั้น

บทบาทที่เด่นที่สุดของมหาเทวีอธีนา คือทรงอุปถัมภ์การผจญภัยของวีรบุรุษในเทพนิยายกรีกหลายคนด้วยกันครับ

เช่น โอดิสซีอุส (Odysseus, Οδυσσέας กรีกออกเสียงว่า โอดิสเซอาส) ระหว่าง สงครามกรุงทรอย (Troy/ Τροία กรีกออกเสียงว่า ตรีอา) ใน มหากาพย์อีเลียด (Iliad/Ιλιάδα) และการผจญภัยระหว่างกลับบ้านของเขา ใน มหากาพย์โอดิสซี (Odyssey/Ὀδύσσεια)

เจสัน (Jason ภาษากรีกว่า อิยาโซนาส Ιάσονας) ผู้ตามหาขนแกะทองคำ

และ เพอร์ซีอุส (Perseus/Περσεύς) ผู้สังหารจอมอสุรี เมดูซา (Medusa, Μέδουσα) โดยประทานโล่ที่ขัดมันเป็นเงาวาวให้ เพื่อที่เขาจะได้มองเห็นจอมอสุรีโดยไม่ต้องมองหน้านางตรงๆ ซึ่งจะทำให้เขากลายเป็นหิน

แต่แม้จะทรงช่วยเหลือ และใกล้ชิดกับวีรบุรุษซึ่งล้วนแต่รูปงาม มหาเทวีอธีนาก็ไม่ทรงมีเรื่องชู้สาวกับชายใดเลยนะครับ

พระนางจึงทรงเป็นพระแม่พรหมจารี ที่ไม่ต้องพัวพันกับโศกนาฏกรรมของความรักความใคร่ เหมือนเทพเทวีองค์อื่นๆ นับว่าเป็นเทพนารีที่เคารพบูชาได้สนิทใจที่สุด ในลัทธิศาสนากรีกโบราณ

อย่างไรก็ดี มีเทพนิยายซึ่งกล่าวถึงพระแม่เจ้าองค์นี้ในแง่ลบอยู่บ้าง เช่นการแข่งขันทอผ้ากับ อรัคนี (Arachne กรีกออกเสียงว่า อะรัคคีนี Αραχίνη) ช่างทอผ้าที่เก่งที่สุดในโลก

นิยายเรื่องนี้ มีตำราเล่าแตกต่างกันไปครับ ที่รับรู้กันมากก็คือ การที่อรัคนีท้าแข่งทอผ้ากับเทพเจ้า ถือว่าเป็นการลบหลู่จาบจ้างคณะเทพทั้งปวง

เมื่อผลสุดท้ายปรากฏว่า เธอเป็นฝ่ายแพ้ มหาแทวีอธีนาจึงทรงใช้ปลายหอกแตะร่างเธอ ทำให้เธอกลายเป็นแมงมุม เพื่อเป็นตัวอย่างแห่งความกำเริบเสิบสานของเธอต่อไปชั่วกาลนาน

ซึ่งในทรรศนะของคนบูชาเทพ เหตุการณ์นี้ก็ไม่ถึงกับเป็นด้านลบของพระนางหรอกครับ เพราะเทพผู้ยิ่งใหญ่นั้น จำต้องมีทั้งพระเดชและพระคุณ

อีกทั้งการลบหลู่องค์เทพนั้น มีผลร้ายแรงเกินกว่ามนุษย์เดินดินคนหนึ่ง จะรับผิดชอบได้อยู่แล้ว

มหาเทวีอธีนา ทรงเป็นที่มาของชื่อกรุงเอเธนส์ (Athens) โดยตามตำนานกรีกเล่าว่า เมื่อชาวกรีกสร้างนครแห่งนี้ขึ้น ไม่รู้จะใช้ชื่ออะไรเป็นชื่อเมือง จึงมีการแข่งขันกันในหมู่ทวยเทพ เพื่อให้ได้รับสิทธิ์ในการตั้งชื่อเมืองใหม่แห่งนี้

ปรากฏว่า มีเทพชั้นผู้ใหญ่อยู่สององค์ ซึ่งทรงสำแดงเทวานุภาพเข้าตาชาวเมืองที่สุดครับ

คือ สมุทรเทพโพไซดอน (Poseidon กรีกออกเสียงว่าโปซีดอนนัส Ποσειδώνας) ซึ่งทรงเนรมิตม้าขึ้นมา

ซึ่งตอนแรกเป็นที่ประทับใจกันมาก เพราะม้านั้นใช้ประโยชน์ได้ทั้งแรงงาน การเดินทาง และการรบทัพจับศึก

ขณะที่มหาเทวีอธีนา ทรงเนรมิตต้นมะกอกขึ้นมา ซึ่งใช้ประโยชน์ได้เป็นอเนกประการเช่นกัน

นอกจากนี้ มะกอก ยังเป็นสัญลักษณ์ของสันติภาพ ในขณะที่ม้าเป็นสัญลักษณ์ของสงคราม

ชาวเมืองจึงตกลงใช้ชื่อเมืองว่า เอเธนส์ ตามชื่อของพระนาง เป็นการแสดงอุดมคติว่า เมืองนี้ให้ความสำคัญกับสันติภาพยิ่งกว่าสงคราม และมะกอกก็กลายเป็นผลไม้เศรษฐกิจสำคัญอันดับหนึ่งของกรีซมาจนปัจจุบันนี้ครับ

พระนามของมหาทวีองค์นี้ในคติโรมัน คือ มิเนอร์วา (Minerva) ซึ่งก็นับถือกันไม่น้อยกว่าชาวกรีก เทวรูปของพระนางที่ชาวกรีกสร้างไว้ และถูกทำลายไปมากในยุคหลัง ก็ได้อาศัยฝีมือช่างโรมันนี่แหละครับ ที่จำลองแบบไว้อย่างสวยงาม และเหลือรอดมาจนทุกวันนี้

ในวงการศิลปะยุโรป นับตั้งแต่คริสตศตวรรษที่ 17-18 คือ ยุคบาโร๊ค (Baroque) เป็นต้นมา ศิลปินผู้มีชื่อเสียงนิยมนำเรื่องราวในเทพปกรณัมกรีก-โรมันมาประขันฝีมือกัน มหาเทวีอธีนาก็มีโอกาสปรากฎพระองค์ในงานสวยๆ อยู่หลายชิ้นเช่นกัน

และพระนางก็ทรงเป็นที่นิยมมากเป็นอันดับต้นๆ ครับ

เพราะแม้จะไม่มีเรื่องรักๆ ใคร่ๆ หรือเรื่องประโลมโลกย์ แต่ก็ทรงเป็นที่เคารพรักในหมู่ปราชญ์ ผู้คงแก่เรียน และองค์กรต่างๆ ทั้งในด้านการศึกษา และการเมืองการปกครอง

ด้วยว่าในทรรศนะของชนชั้นสูงในยุโรป ซึ่งถือว่าตนเป็นผู้สืบทอดความยิ่งใหญ่ของอารยธรรมกรีก-โรมัน องค์เทพผู้เป็นสัญลักษณ์ของความยิ่งใหญ่นั้นอย่างแท้จริง คือ มหาเทวีอธีนา

ไม่ใช่เทพสำคัญองค์อื่นๆ ที่ล้วนมีแต่เทพนิยายอันหนาหนักด้วยกิเลสตัณหา และทิฐิมานะ จนไม่สามารถเป็นตัวอย่างในแง่ของศีลธรรม-คุณธรรมใอๆ ได้

ทุกวันนี้ ความนิยมในมหาเทวีองค์นี้แพร่หลายทั่วไป จนกลายเป็นเทพยอดนิยมอันดับหนึ่งของกรีก-โรมัน ยิ่งกว่าในช่วง 300 ปีที่ผ่านมา

จนถ้าใครไปเที่ยวกรีซ ก็ไม่ยากเลยครับ ที่จะพบเทวประติมากรรมของพระแม่เจ้าองค์นี้ ขายเป็นของที่ระลึกอยู่ทั่วไปในย่านจับจ่ายของนักท่องเที่ยว แม้ในเว็บไซต์ต่างๆ ก็มีการ design อย่างสวยงามหลากหลาย

แต่ถ้าคิดจะซื้อหามาเพื่อการบูชา เทวรูปที่สามารถนำมาทำพิธีเทวาภิเษก (Consecration) สำหรับตั้งบูชาได้ จะต้องมีรูปแบบเฉพาะ ซึ่งผมตั้งใจไว้วาจะกล่าวถึงใน blog นี้ด้วยครับ

และการเทวาภิเษก จะต้องเป็นไปตามเทวศาสตร์กรีกโบราณ ซึ่งหมายความว่า ผู้ทำพิธีดังกล่าวจะต้องรู้จักมนต์ภาษากรีก ดังตัวอย่างที่อยู่ด้านบนของหน้านี้ (จริงๆ มีมากกว่านี้) และขั้นตอนลำดับพิธี ซึ่งย่อมจะเกิดจากการที่ได้ “ต่อวิชา” มาอย่างถูกต้อง

ในช่วงเวลาที่ผมเขียน blog นี้ คนไทยจำนวนมากที่บูชาเทพตะวันตก ยังคงสนใจเพียงการมีเทวรูปสวยๆ มาจัดแท่นอวดเพื่อน ไม่สนใจในเรื่องของ มนต์พิธีที่เป็นของแท้ (Authentic) และไม่สนใจแม้แต่ประสบการณ์ ที่ควรได้รับจากการบูชานั้น

เป็นเหตุให้มีมิจฉาชีพ ในคราบของหมอดู หรือผู้วิเศษจอมปลอมต่างๆ เข้ามาหากิน โฆษณาชวนเชื่อให้ฟุ้งฝัน-เคลิบเคลิ้มกันไปวันๆ อย่างที่หาดูได้ทั่วไป

ถ้าจะบูชามหาเทวีอธีนา ต้องมีสติปัญญาครับ บูชาเรื่องจริง ของจริง แล้วจะได้รับผลที่เป็นจริง ซึ่งเปลี่ยนชีวิตของพวกคุณได้ย่างคาดไม่ถึง

ไม่ใช่แค่ได้เล่นสนุกไปวันๆ ครับ


...................................


หมายเหตุ : เนื้อหาในบทความนี้ มีลิขสิทธิ์ ใครจะนำไปใช้อ้างอิงที่ใด ไม่ว่าส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมด จะต้องระบุ URL ของแต่ละบทความด้วย และห้ามนำไปใช้เพื่อการค้าโดยเด็ดขาด