Sunday, February 16, 2020

มหาเทวาลัยพาร์เธนอน






เมื่อทรงเป็นผู้ให้ชื่อแก่กรุงเอเธนส์ มหาเทวีอธีนาจึงทรงเป็นพระแม่เจ้าผู้อุปถัมภ์นครหลวงแห่งนี้ และชาวเอเธนส์จึงสร้างมหาเทวาลัยเพื่อถวายแด่พระนาง บนเนิน อโครโปลิส (Acropolis, Ακρόπολη) ในปัจจุบัน

มหาเทวาลัยดังกล่าวมีชื่อว่า พาร์เธนอน (Parthenon กรีกออกเสียงว่า พาร์เธโนนาส Παρθενώνας)

เทวสถานแห่งนี้ นับว่าเป็นเพชรน้ำงามที่สุดแห่งสถาปัตยกรรมกรีกครับ สร้างเมื่อ 447-438 ปีก่อนคริสตกาล โดยการริเริ่มของ เปริคลีส (Pericles/Περικλής) ผู้นำกรุงเอเธนส์ในสมัยนั้น และภายหลังเสร็จสมบูรณ์ฃแล้ว ก็ยังมีการตกแต่งเพิ่มเติมอีก 5 ปี

มหาเทวาลัยพาร์เธนอนมีแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาด 101.4 x 228 x 65 ฟุต ด้านข้างทั้งสองมีเสาค้ำด้านละ 17 ต้น ด้านหน้า 8 ต้น แต่ละต้นมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 6.2 ฟุต หัวเสาเป็นแบบ ดอริค (Doric กรีกออกเสียงว่า โดริโกส δωρικός)

เสาเหล่านี้และทุกส่วนของเทวาลัย รวมทั้งหลังคา สร้างด้วยหินอ่อนทั้งหมด ซึ่งต้องสกัดและขนย้ายมาจากเขา เปลิกัส (Pelikas/Πέλικας) ที่อยู่ห่างจากกรุงเอเธนส์ไปกว่า 16 กิโลเมตร




มหาเทวาลัยพาร์เธนอน ได้รับการยกย่องว่า เป็นสถาปัตยกรรมที่งามสมบูรณ์แบบ แม้จะสร้างอย่างเรียบง่ายก็ตาม 

ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้ เป็นผลจากการออกแบบของ อิคตินุส (Ictinus/Ἰκτῖνος) และ คัลลิคราตีส (Callicrates/Καλλικράτης) โดย ฟิดิอัส (Phidias/ Φειδίας) เป็นผู้ควบคุมการก่อสร้าง ตลอดจนการตกแต่งหน้าบัน

เหตุที่เทวสถานแห่งนี้ มีชื่อว่า พาร์เธนอน ก็เพราะสร้างถวายมหาเทวีอธีนา ภายใต้พระนามว่า อธีนา พาร์เธนอส (Athena Parthenos/Αθηνά Παρθένου) เป็นเทวรูปฉลองพระองค์แบบนักรบ สวมหมวกเหล็กแบบขุนศึกกรีก ทรงถือเครื่องหมายแห่งชัยชนะ หรือ ไนกี (Nike กรีกออกเสียงว่า นีกี Νίκη) พร้อมทั้งหอกและโล่

เทวรูปองค์นี้ เป็นงานใหญ่ไม่น้อยกว่าการสร้างเทวสถานครับ

เพราะมีความสูงถึงราวๆ 12 เมตร และ (เข้าใจว่า) ทำจากหินอ่อนแกะสลักเป็นส่วนๆ นำมาประกอบกัน แล้วบุผิวด้วยแผ่นงาช้างทั้งองค์ พัสตราภรณ์ก็ประดับแผ่นทองคำทั้งหมด ซึ่งฟิดิอัสเป็นผู้ควบคุมการก่อสร้างด้วยเช่นกัน




โชคดีครับ ที่เทวรูปองค์นี้ได้รับการจำลองแบบไว้โดยช่างโรมัน ก่อนถูกทำลายเมื่อศาสนาคริสต์เข้าแทนที่ลัทธิศาสนาเดิมของกรุงเอเธนส์

ส่วนอาคารเทวาลัยเอง นับจากเสร็จสิ้นการก่อสร้างก็ดำรงฐานะเป็นเทวสถานต่อเนื่องยาวนานกว่าพันปี จึงเถูกดัดแปลงเป็นโบสถ์คริสต์ และเมื่อกรุงเอเธนส์ตกเป็นของจักรวรรดิออตโตมัน (Ottoman) ก็ถูกดัดแปลงเป็นสุเหร่าในปีค.ศ.1458  ก่อนจะถูกระเบิดทำลายในปีค.ศ.1687 คงเหลือเท่าที่ปรากฏในปัจจุบัน

 และนี่คือ 3D Reconstruction ของมหาเทวาลัยแห่งนี้ครับ

https://www.facebook.com/GreeceHighDefinition/videos/2121655771185062/?t=30

ในพื้นที่โดยรอบของเทวสถานแห่งนี้ ยังเคยมีการประดิษฐานเทวรูป อธีนา โพรมาคอส (Athena Promachos/Αθηνά Προμάχος) ทำด้วยสำริดขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นผลงานของฟิดิอัสเช่นกัน ซึ่งน่าจะสูงพอๆ กับองค์ประธานที่อยู่ภายในเทวสถาน หรืออาจจะสูงกว่าด้วยซ้ำ เพราะเรือที่จะเข้าเทียบท่าที่ อัตติคา (Attica/Αττική) ยังอาศัยเป็นจุดสังเกตได้





เทวปฏิมาองค์นี้ ยังคงมีอยู่จนกระทั่งราวๆ 1-200 ปีก่อนคริสตกาล จึงถูกย้ายไปตั้งไว้ใน กรุงคอนสแตนติโนเปิล (Constantinople) นครหลวงของ จักรวรรดิไบแซนไทน์ (Byzantine Empire) และในที่สุดก็ถูกทำลายลงเมื่อ ค.ศ.1203 เพราะหล่อด้วยสำริดเป็นปริมาณมาก จึงน่าจะถูกนำไปหลอมเป็นสำริดแท่งเพื่อใช้ในการอื่น

ในระหว่างปีค.ศ.1801-1803  มีการรวบรวมประติมากรรมที่เหลืออยู่ไปจัดแสดงที่อังกฤษ คงเหลือในพิพิธภัณฑ์กรีกเพียงเล็กน้อย

และต้องรอจนถึงปีค.ศ.2004 จึงมีการบูรณะเทวสถานแห่งนี้ครั้งใหญ่ เนื่องจากประเทศกรีซได้รับเลือกให้จัดการแข่งขันโอลิมปิก ซึ่งจะต้องมีพิธีเปิดที่นี่




ปัจจุบัน มีการจำลองเทวสถานแห่งนี้ และองค์เทวรูปอธีนา พาร์เธนอสไว้ที่แนชวิลล์ (Nashvill) มลรัฐเทนเนสซี สหรัฐอเมริกา สร้างขึ้นจากข้อสันนิษฐานทางโบราณคดี (Reconstruction) ด้วยขนาดเท่าจริง ผู้ออกแบบคือ วิลเลียม ครอเฟิร์ด สมิธ (William Crawford Smith) สร้างขึ้นในปีค.ศ.1897 โดยเป็นส่วนหนึ่งของ Tennessee Centennial Exposition 

ซึ่งก็พอจะทำให้จินตนาการถึงความยิ่งใหญ่ในอดีตได้มากขึ้นครับ

...................................



หมายเหตุ : เนื้อหาในบทความนี้ มีลิขสิทธิ์ ใครจะนำไปใช้อ้างอิงที่ใด ไม่ว่าส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมด จะต้องระบุ URL ของแต่ละบทความด้วย และห้ามนำไปใช้เพื่อการค้าโดยเด็ดขาด



No comments:

Post a Comment