เมื่อทรงเป็นผู้ให้ชื่อแก่กรุงเอเธนส์ มหาเทวีอธีนาจึงทรงเป็นพระแม่เจ้าผู้อุปถัมภ์นครหลวงแห่งนี้
และชาวเอเธนส์จึงสร้างมหาเทวาลัยเพื่อถวายแด่พระนาง บนเนิน อโครโปลิส (Acropolis,
Ακρόπολη) ในปัจจุบัน
มหาเทวาลัยดังกล่าวมีชื่อว่า พาร์เธนอน (Parthenon
กรีกออกเสียงว่า พาร์เธโนนาส Παρθενώνας)
เทวสถานแห่งนี้
นับว่าเป็นเพชรน้ำงามที่สุดแห่งสถาปัตยกรรมกรีกครับ สร้างเมื่อ 447-438
ปีก่อนคริสตกาล โดยการริเริ่มของ เปริคลีส (Pericles/Περικλής) ผู้นำกรุงเอเธนส์ในสมัยนั้น
และภายหลังเสร็จสมบูรณ์ฃแล้ว ก็ยังมีการตกแต่งเพิ่มเติมอีก 5 ปี
มหาเทวาลัยพาร์เธนอนมีแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า
ขนาด 101.4 x 228 x 65 ฟุต
ด้านข้างทั้งสองมีเสาค้ำด้านละ 17 ต้น ด้านหน้า 8 ต้น แต่ละต้นมีเส้นผ่านศูนย์กลาง
6.2 ฟุต หัวเสาเป็นแบบ ดอริค (Doric กรีกออกเสียงว่า โดริโกส
δωρικός)
เสาเหล่านี้และทุกส่วนของเทวาลัย รวมทั้งหลังคา
สร้างด้วยหินอ่อนทั้งหมด ซึ่งต้องสกัดและขนย้ายมาจากเขา เปลิกัส (Pelikas/Πέλικας) ที่อยู่ห่างจากกรุงเอเธนส์ไปกว่า 16 กิโลเมตร
มหาเทวาลัยพาร์เธนอน ได้รับการยกย่องว่า
เป็นสถาปัตยกรรมที่งามสมบูรณ์แบบ แม้จะสร้างอย่างเรียบง่ายก็ตาม
ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้ เป็นผลจากการออกแบบของ อิคตินุส
(Ictinus/Ἰκτῖνος) และ คัลลิคราตีส (Callicrates/Καλλικράτης)
โดย ฟิดิอัส (Phidias/ Φειδίας) เป็นผู้ควบคุมการก่อสร้าง
ตลอดจนการตกแต่งหน้าบัน
เหตุที่เทวสถานแห่งนี้ มีชื่อว่า พาร์เธนอน
ก็เพราะสร้างถวายมหาเทวีอธีนา ภายใต้พระนามว่า อธีนา พาร์เธนอส (Athena
Parthenos/Αθηνά Παρθένου) เป็นเทวรูปฉลองพระองค์แบบนักรบ
สวมหมวกเหล็กแบบขุนศึกกรีก ทรงถือเครื่องหมายแห่งชัยชนะ หรือ ไนกี (Nike กรีกออกเสียงว่า นีกี Νίκη) พร้อมทั้งหอกและโล่
เทวรูปองค์นี้
เป็นงานใหญ่ไม่น้อยกว่าการสร้างเทวสถานครับ
เพราะมีความสูงถึงราวๆ 12 เมตร และ (เข้าใจว่า)
ทำจากหินอ่อนแกะสลักเป็นส่วนๆ นำมาประกอบกัน แล้วบุผิวด้วยแผ่นงาช้างทั้งองค์
พัสตราภรณ์ก็ประดับแผ่นทองคำทั้งหมด ซึ่งฟิดิอัสเป็นผู้ควบคุมการก่อสร้างด้วยเช่นกัน
โชคดีครับ
ที่เทวรูปองค์นี้ได้รับการจำลองแบบไว้โดยช่างโรมัน ก่อนถูกทำลายเมื่อศาสนาคริสต์เข้าแทนที่ลัทธิศาสนาเดิมของกรุงเอเธนส์
ส่วนอาคารเทวาลัยเอง
นับจากเสร็จสิ้นการก่อสร้างก็ดำรงฐานะเป็นเทวสถานต่อเนื่องยาวนานกว่าพันปี
จึงเถูกดัดแปลงเป็นโบสถ์คริสต์ และเมื่อกรุงเอเธนส์ตกเป็นของจักรวรรดิออตโตมัน
(Ottoman)
ก็ถูกดัดแปลงเป็นสุเหร่าในปีค.ศ.1458 ก่อนจะถูกระเบิดทำลายในปีค.ศ.1687
คงเหลือเท่าที่ปรากฏในปัจจุบัน
และนี่คือ 3D Reconstruction ของมหาเทวาลัยแห่งนี้ครับ
https://www.facebook.com/GreeceHighDefinition/videos/2121655771185062/?t=30
ในพื้นที่โดยรอบของเทวสถานแห่งนี้ ยังเคยมีการประดิษฐานเทวรูป
อธีนา โพรมาคอส (Athena Promachos/Αθηνά Προμάχος)
ทำด้วยสำริดขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นผลงานของฟิดิอัสเช่นกัน ซึ่งน่าจะสูงพอๆ
กับองค์ประธานที่อยู่ภายในเทวสถาน หรืออาจจะสูงกว่าด้วยซ้ำ
เพราะเรือที่จะเข้าเทียบท่าที่ อัตติคา (Attica/Αττική) ยังอาศัยเป็นจุดสังเกตได้
เทวปฏิมาองค์นี้ ยังคงมีอยู่จนกระทั่งราวๆ 1-200 ปีก่อนคริสตกาล
จึงถูกย้ายไปตั้งไว้ใน กรุงคอนสแตนติโนเปิล (Constantinople) นครหลวงของ จักรวรรดิไบแซนไทน์ (Byzantine Empire) และในที่สุดก็ถูกทำลายลงเมื่อ ค.ศ.1203 เพราะหล่อด้วยสำริดเป็นปริมาณมาก
จึงน่าจะถูกนำไปหลอมเป็นสำริดแท่งเพื่อใช้ในการอื่น
ในระหว่างปีค.ศ.1801-1803
มีการรวบรวมประติมากรรมที่เหลืออยู่ไปจัดแสดงที่อังกฤษ
คงเหลือในพิพิธภัณฑ์กรีกเพียงเล็กน้อย
และต้องรอจนถึงปีค.ศ.2004
จึงมีการบูรณะเทวสถานแห่งนี้ครั้งใหญ่ เนื่องจากประเทศกรีซได้รับเลือกให้จัดการแข่งขันโอลิมปิก
ซึ่งจะต้องมีพิธีเปิดที่นี่
ปัจจุบัน มีการจำลองเทวสถานแห่งนี้
และองค์เทวรูปอธีนา พาร์เธนอสไว้ที่แนชวิลล์ (Nashvill) มลรัฐเทนเนสซี สหรัฐอเมริกา สร้างขึ้นจากข้อสันนิษฐานทางโบราณคดี (Reconstruction) ด้วยขนาดเท่าจริง ผู้ออกแบบคือ วิลเลียม ครอเฟิร์ด
สมิธ (William Crawford Smith) สร้างขึ้นในปีค.ศ.1897
โดยเป็นส่วนหนึ่งของ Tennessee Centennial Exposition
ซึ่งก็พอจะทำให้จินตนาการถึงความยิ่งใหญ่ในอดีตได้มากขึ้นครับ
ซึ่งก็พอจะทำให้จินตนาการถึงความยิ่งใหญ่ในอดีตได้มากขึ้นครับ
...................................
หมายเหตุ :
เนื้อหาในบทความนี้ มีลิขสิทธิ์ ใครจะนำไปใช้อ้างอิงที่ใด ไม่ว่าส่วนใดส่วนหนึ่ง
หรือทั้งหมด จะต้องระบุ URL ของแต่ละบทความด้วย
และห้ามนำไปใช้เพื่อการค้าโดยเด็ดขาด
No comments:
Post a Comment