Minerva คือพระนามโรมันของมหาเทวีอธีนา
ซึ่งในคติโรมันยังคงเป็นเทวีพรหมจาริณีแห่งสติปัญญา การแพทย์ การค้า งานหัตถกรรม
บทกวี ศิลปวิทยา รวมทั้งสงคราม เช่นเดียวกับมหาเทวีอธีนาของกรีก
พระนางทรงมีเทวสถานที่สำคัญในกรุงโรม
และทรงได้รับการบูชาในเทศกาลQuinquatras ซึ่งจัดขึ้นในระหว่างวันที่19-23
มีนาคมของทุกปี โดยเทศกาลดังกล่าวนี้ มีรากซานมาขากการเฉลิมฉลองวสันต์วิษุวัติ (Spring
Equinox) ของชาวอีทรัสคัน (Etruscan)
นั่นก็เพราะว่า
ชาวโรมันมิได้รับคติการบูชามหาเทวีองค์นี้มาจากกรีก แต่ได้รับมาจากชาวอีทรัสคัน
ซึ่งเจริญรุ่งเรืองอยู่ในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียนมาก่อนพวกกรีกด้วยซ้ำไปครับ
โดยเทพนารีองค์นั้น
ทรงมีพระนามในภาษาอีทรัสคันว่า Menrva ซึ่งมีความหมายว่า ”to remember” กังนั้นจึงเท่ากับทรงเป็นเทวีแห่งสติปัญญาแลความทรงจำนั่นเอง
ส่วนในทางปกรณษาสตร์นั้นกล่าวว่า เจ้าชายเอเนียส
(Aeneas)
แห่งทรอน (Troy/ Τροία) วีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ของชาวโรมัน
ผู้รอดชีวิตจากการล่มสลายของกรุงทรอย เป็นผู้อัญเชิญเทวรูป
และคติการบูชาพระนางไปยังกรุงโรม โดยได้ประดิษฐานเป็นครั้งแรกไกล้เทวาลัยของ เทวีเวสตา
(Vesta : Hestia/Εστιά ในคติกรีก) และแม้จะเป็นเทวีแห่งสงครามเช่นเดียวกับ
เทพมาร์ส (Mars : Ares/Άρης
ในคติกรีก) พระนางก็ทรงปฏิเสธความรักจากพระองค์
ที่เห็นนี้ คิอ Reconstruction เทวสถานของมหาเทวีมิเนอร์วา เทียบกับสภาพที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน ในกรุงโรม
อิตาลี
ชาวโรมันนั้น
สามารถสร้างสถาปัตยกรรมที่มีหลังคาเป็นรูปโดมได้แล้วครับ
เขาจึงประดิษฐานเทวรูปไว้ด้านในสุดของอาคาร ที่มีเพดานโค้งเว้วเป็นรูปโดมได้
ซึ่งจะเน้นความยิ่งใหญ่อลังการของเทวรูป ได้มากกว่าเทวสถานแบบกรีก
ถ้าจะถามว่า ศิลปินที่ reconstruct
รู้ได้อย่างไรว่า เทวรูปขององค์มหาเทวีที่เคยบูชากันอยู่ที่นี่
มีรูปลักษณ์เป็นเช่นใด ทั้งๆ ที่ไม่มีซากเหลืออยู่?
คำตอบคือ
เขาสันนิษฐานจากบันทึกของคนที่ได้ไปทันเห็นมา ซึ่งเป็นแบบเดียวกับ อธีนา
โพรมาคอส (Athena Promachos/Αθηνά Προμάχος) ของกรีก
และก็เป็นรูปแบบของมหาเทวีมิเนอร์วา ที่ชาวโรมันนิยมบูชากันอยู่ด้วยครับ
เมื่อชาวโรมันรับเทพนิยายของมหาเทวีอธีนาจากกรีก
ที่ประสูติจากพระเศียรของจอมเทพซีอส (Zeus/Ζεύς) พระนางจึงทรงได้รับการบูชาจากชาวโรมันในฐานะที่เป็นหนึ่งในตรีเอกานุภาพ
ที่เรียกกันว่า Capitoline Triad ร่วมกับ จอมเทพจูปิเตอร์
(Jupiter) และ พระเทวีจูโน (Juno : Hera/ Ήρα ในคติกรีก)
เทวสถานแห่งแรกของลัทธินี้ ตั้งอยู่บนเทือกเขา คาปิโตลีเน
(Capitoline
ภาษาละตินว่า คาปิโตลีอุม : Capitolium) ซึ่งถือได้ว่าเป็นเทวสถานสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงโม
โดยในเทวาลัยแห่งนี้ ประดิษฐานอค์เทพทั้งสาม
โดยมีคูหาหรือซุ้มแยกต่างหากจากก้น และแต่ละองค์ทรงได้รับการถวายพระนามเป็นการเฉพาะ
คือ
จอมเทพจูปิเตอร์ อ็อปติมุส มักซิมุส
(Jupiter
Optimus Maximus)
พระเทวีจูโน เรจินา (Juno
Regina)
มหาเทวีมิเนอร์วา ออกุสตา
(Minerva
Augusta)
สิ่งเหล่านี้สูญหายไปหมดสิ้นแล้วในปัจจุบัน
คงเหลือเพียงจดหมายเหตุ และประติมากรรมขนาดเล็ก ดังภาพ
นักศาสนศาสตร์กล่าวว่า คติการบูชาเทวบุรุษ 1
องค์ร่วมกับเทพนารีอีก 2 องค์ ในลักษณะของตรีเอกานุภาพเช่นนี้
เป็นเรื่องที่ยากจะได้พบเห็นในลัทธิศาสนาของชาวอินโดยูโรเปียน (Indo-European)
โดยทั่วไป
และเป็นคติที่ได้รับอิทธิพลมา
จากตรีเอกานุภาพของพวกอีทรัสคัน ที่รู้จักกันในหทู่นักโบราณคดึว่า Etruscan
trio of Tinia ซึ่งประกอบด้วยพระเป็นเจ้าสูงสุดคือ
จอมเทพ Uni พระชายาของพระองค์ และมหาเทวี Menrva
ซึ่งนับได้ว่าเป็นคติที่มีความเก่าแก่อย่างยิ่ง
และเนื่องจากความนิยมในการบูชา Triad
ดังกล่าว จึงนอกจากเทวสถาน คาปิโตเลีย (Capitolia) ประจำกรุงโรมแล้ว ยังมีการสน้างเทวสถานแบบเดียวกันนี้ทั่วไปในเมืองอื่นๆ
ของอาณาจักรโรมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในยุคของ Augustan และ
Julio-Claudian
แม้แต่ในเมืองที่อยู่นอกอาณาจักรโรมัน ก็เช่นที่
เอ็มโปริออน (Emporion) ในสเปน ซึ่งปัจจุบัน
ชาวสเปนเรียกว่า เอ็มปูริเอส (Empúries)
และแม้กระทั่งในอาณานิคมของโรมัน
ที่อยู่ห่างไกลถึงแอฟริกา ก็ยังมีปรากฏ เช่น ในอดีตเมืองหลวงของ Dougga ในประเทศตูนีเซียปัจจุบัน ซึ่งสร้างในระหว่างปีค.ศ.166-67
นอกจากนี้ ยังมีคติการบูชามหาเทวีมิเนอร์วา
กับเทพอื่นๆ เป็นชุด 4 องค์ จากเทวาลัยแห่งจตุรเทพ (Chapel
of the Four Gods) ใน นครเฮอร์คูลาเนอุม (Herculaneum)
ซึ่งปัจจุบันอยู่ในแคว้นเนเปิลส์ (Naples) อิตาลี
โดยเทวาลัยแห่งจตุรเทพนี้
มีหลักฐานว่าเคยประดิษฐาน :
1.มหาเทวีมิเนอร์วา
2.สมุทรเทพเนปจูน (Neptune
หรือ โพไซดอน Poseidon/Ποσειδώνας ของกรีก)
3.เทพเมอร์คิวรี (Mercury
หรือ เฮอร์มีส Hermes/Ερμής ของกรีก)
4.เทพวุลคัน (Vulcan
หรือ เฮฟีสตุส Hephaestus/Ήφαιστος ของกรีก)
เฮอร์คูลาเนอุม
เป็นเมืองใหญ่แห่งหนึ่งของจักรวรรดิโรมัน เช่นเดียวกับ ปอมเปอี (Pompeii)
แล้วก็ตั้งอยู่ไม่ห่างกันมากนัก
จึงพินาศย่อยยับไปด้วยการระเบิดของภูเขาไฟวิซูเวียส (Visuveus) เช่นเดียวกัน
ภาพแกะสลักนูนสูง ของ มหาเทวีมิเนอร์วา
ที่เห็นกันอยู่นี้ ก็ได้มาจากซากเทวสถานดังกล่าวครับ
...................................
หมายเหตุ :
เนื้อหาในบทความนี้ มีลิขสิทธิ์ ใครจะนำไปใช้อ้างอิงที่ใด ไม่ว่าส่วนใดส่วนหนึ่ง
หรือทั้งหมด จะต้องระบุ URL ของแต่ละบทความด้วย
และห้ามนำไปใช้เพื่อการค้าโดยเด็ดขาด
No comments:
Post a Comment