Sunday, April 5, 2020

มหาเทวีมิเนอร์วา






Minerva คือพระนามโรมันของมหาเทวีอธีนา ซึ่งในคติโรมันยังคงเป็นเทวีพรหมจาริณีแห่งสติปัญญา การแพทย์ การค้า งานหัตถกรรม บทกวี ศิลปวิทยา รวมทั้งสงคราม เช่นเดียวกับมหาเทวีอธีนาของกรีก

พระนางทรงมีเทวสถานที่สำคัญในกรุงโรม และทรงได้รับการบูชาในเทศกาลQuinquatras ซึ่งจัดขึ้นในระหว่างวันที่19-23 มีนาคมของทุกปี โดยเทศกาลดังกล่าวนี้ มีรากซานมาขากการเฉลิมฉลองวสันต์วิษุวัติ (Spring Equinox) ของชาวอีทรัสคัน (Etruscan)

นั่นก็เพราะว่า ชาวโรมันมิได้รับคติการบูชามหาเทวีองค์นี้มาจากกรีก แต่ได้รับมาจากชาวอีทรัสคัน ซึ่งเจริญรุ่งเรืองอยู่ในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียนมาก่อนพวกกรีกด้วยซ้ำไปครับ

โดยเทพนารีองค์นั้น ทรงมีพระนามในภาษาอีทรัสคันว่า Menrva ซึ่งมีความหมายว่า ”to remember” กังนั้นจึงเท่ากับทรงเป็นเทวีแห่งสติปัญญาแลความทรงจำนั่นเอง

ส่วนในทางปกรณษาสตร์นั้นกล่าวว่า เจ้าชายเอเนียส (Aeneas) แห่งทรอน (Troy/ Τροία) วีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ของชาวโรมัน ผู้รอดชีวิตจากการล่มสลายของกรุงทรอย เป็นผู้อัญเชิญเทวรูป และคติการบูชาพระนางไปยังกรุงโรม โดยได้ประดิษฐานเป็นครั้งแรกไกล้เทวาลัยของ เทวีเวสตา (Vesta : Hestia/Εστιά ในคติกรีก) และแม้จะเป็นเทวีแห่งสงครามเช่นเดียวกับ เทพมาร์ส (Mars : Ares/Άρης  ในคติกรีก) พระนางก็ทรงปฏิเสธความรักจากพระองค์ 




ที่เห็นนี้ คิอ Reconstruction เทวสถานของมหาเทวีมิเนอร์วา เทียบกับสภาพที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน ในกรุงโรม อิตาลี

ชาวโรมันนั้น สามารถสร้างสถาปัตยกรรมที่มีหลังคาเป็นรูปโดมได้แล้วครับ เขาจึงประดิษฐานเทวรูปไว้ด้านในสุดของอาคาร ที่มีเพดานโค้งเว้วเป็นรูปโดมได้ ซึ่งจะเน้นความยิ่งใหญ่อลังการของเทวรูป ได้มากกว่าเทวสถานแบบกรีก

ถ้าจะถามว่า ศิลปินที่ reconstruct รู้ได้อย่างไรว่า เทวรูปขององค์มหาเทวีที่เคยบูชากันอยู่ที่นี่ มีรูปลักษณ์เป็นเช่นใด ทั้งๆ ที่ไม่มีซากเหลืออยู่?

คำตอบคือ เขาสันนิษฐานจากบันทึกของคนที่ได้ไปทันเห็นมา ซึ่งเป็นแบบเดียวกับ อธีนา โพรมาคอส (Athena Promachos/Αθηνά Προμάχος) ของกรีก และก็เป็นรูปแบบของมหาเทวีมิเนอร์วา ที่ชาวโรมันนิยมบูชากันอยู่ด้วยครับ





เมื่อชาวโรมันรับเทพนิยายของมหาเทวีอธีนาจากกรีก ที่ประสูติจากพระเศียรของจอมเทพซีอส (Zeus/Ζεύς)  พระนางจึงทรงได้รับการบูชาจากชาวโรมันในฐานะที่เป็นหนึ่งในตรีเอกานุภาพ ที่เรียกกันว่า Capitoline Triad ร่วมกับ จอมเทพจูปิเตอร์ (Jupiter) และ พระเทวีจูโน (Juno : Hera/ Ήρα ในคติกรีก)

เทวสถานแห่งแรกของลัทธินี้ ตั้งอยู่บนเทือกเขา คาปิโตลีเน (Capitoline ภาษาละตินว่า คาปิโตลีอุม : Capitolium) ซึ่งถือได้ว่าเป็นเทวสถานสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงโม

โดยในเทวาลัยแห่งนี้ ประดิษฐานอค์เทพทั้งสาม โดยมีคูหาหรือซุ้มแยกต่างหากจากก้น  และแต่ละองค์ทรงได้รับการถวายพระนามเป็นการเฉพาะ คือ

จอมเทพจูปิเตอร์ อ็อปติมุส มักซิมุส (Jupiter Optimus Maximus)

พระเทวีจูโน เรจินา (Juno Regina)

มหาเทวีมิเนอร์วา ออกุสตา (Minerva Augusta)

สิ่งเหล่านี้สูญหายไปหมดสิ้นแล้วในปัจจุบัน คงเหลือเพียงจดหมายเหตุ และประติมากรรมขนาดเล็ก ดังภาพ




นักศาสนศาสตร์กล่าวว่า คติการบูชาเทวบุรุษ 1 องค์ร่วมกับเทพนารีอีก 2 องค์ ในลักษณะของตรีเอกานุภาพเช่นนี้ เป็นเรื่องที่ยากจะได้พบเห็นในลัทธิศาสนาของชาวอินโดยูโรเปียน (Indo-European) โดยทั่วไป

และเป็นคติที่ได้รับอิทธิพลมา จากตรีเอกานุภาพของพวกอีทรัสคัน ที่รู้จักกันในหทู่นักโบราณคดึว่า Etruscan trio of Tinia ซึ่งประกอบด้วยพระเป็นเจ้าสูงสุดคือ จอมเทพ Uni พระชายาของพระองค์ และมหาเทวี Menrva ซึ่งนับได้ว่าเป็นคติที่มีความเก่าแก่อย่างยิ่ง
  
และเนื่องจากความนิยมในการบูชา Triad ดังกล่าว จึงนอกจากเทวสถาน คาปิโตเลีย (Capitolia) ประจำกรุงโรมแล้ว ยังมีการสน้างเทวสถานแบบเดียวกันนี้ทั่วไปในเมืองอื่นๆ ของอาณาจักรโรมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในยุคของ Augustan และ Julio-Claudian

แม้แต่ในเมืองที่อยู่นอกอาณาจักรโรมัน ก็เช่นที่ เอ็มโปริออน (Emporion) ในสเปน ซึ่งปัจจุบัน ชาวสเปนเรียกว่า เอ็มปูริเอส (Empúries)

และแม้กระทั่งในอาณานิคมของโรมัน ที่อยู่ห่างไกลถึงแอฟริกา ก็ยังมีปรากฏ เช่น ในอดีตเมืองหลวงของ Dougga ในประเทศตูนีเซียปัจจุบัน ซึ่งสร้างในระหว่างปีค.ศ.166-67




นอกจากนี้ ยังมีคติการบูชามหาเทวีมิเนอร์วา กับเทพอื่นๆ เป็นชุด 4 องค์ จากเทวาลัยแห่งจตุรเทพ (Chapel of the Four Gods) ใน นครเฮอร์คูลาเนอุม (Herculaneum) ซึ่งปัจจุบันอยู่ในแคว้นเนเปิลส์ (Naples) อิตาลี

โดยเทวาลัยแห่งจตุรเทพนี้ มีหลักฐานว่าเคยประดิษฐาน :

1.มหาเทวีมิเนอร์วา

2.สมุทรเทพเนปจูน (Neptune หรือ โพไซดอน Poseidon/Ποσειδώνας ของกรีก)

3.เทพเมอร์คิวรี (Mercury หรือ เฮอร์มีส Hermes/Ερμής ของกรีก)

4.เทพวุลคัน (Vulcan หรือ เฮฟีสตุส Hephaestus/Ήφαιστος ของกรีก)

เฮอร์คูลาเนอุม เป็นเมืองใหญ่แห่งหนึ่งของจักรวรรดิโรมัน เช่นเดียวกับ ปอมเปอี (Pompeii) แล้วก็ตั้งอยู่ไม่ห่างกันมากนัก จึงพินาศย่อยยับไปด้วยการระเบิดของภูเขาไฟวิซูเวียส (Visuveus) เช่นเดียวกัน




ภาพแกะสลักนูนสูง ของ มหาเทวีมิเนอร์วา ที่เห็นกันอยู่นี้ ก็ได้มาจากซากเทวสถานดังกล่าวครับ

...................................

หมายเหตุ : เนื้อหาในบทความนี้ มีลิขสิทธิ์ ใครจะนำไปใช้อ้างอิงที่ใด ไม่ว่าส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือทั้งหมด จะต้องระบุ URL ของแต่ละบทความด้วย และห้ามนำไปใช้เพื่อการค้าโดยเด็ดขาด


No comments:

Post a Comment